ข้อปฏิบัติหลังทำ เลเซอร์ (ลิฟติ้ง)
- - เพื่อไม่ให้ผิวแห้ง กรุณาทาครีมที่ให้ความชุ่มชื้น, และมาร์คหน้าอย่างสม่ำเสมอ
- - หลังทำเลเซอร์ กรุณาทาครีมกันแดดเป็นประจำ และสม่ำเสมอ
- - หลังเลเซอร์ 2 อาทิตย์ ควรหลีกเลี่ยงการทำพิลลิ่งหน้า, การผลัดเซลล์ผิว, การออกกำลังกายหนัก และการอบซาวน่า
- - หลังเลเซอร์ 1 อาทิตย์ ควรงดสูบบุหรี่, งดดื่มแอลกอร์ฮอ
- - การรักษาหน้าด้วยเลเซอร์(ขึ้นอยู่กับว่าใช้เลเซอร์แบบไหน) บางครั้งหลังทำ ควรงดล้างหน้า และแต่งหน้า เป็นเวลา 1-3 วัน
- - หลังทำเลเซอร์หากมีอาการร้อนบริเวณที่ทำการรักษาไป ให้ใช้ผ้าขนหนูห่อน้ำแข็ง แล้วนำมาประคบบริเวณนั้น ๆ ประมาณ 5 นาที ก็จะช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนได้
- - หลังทำอาจจะมีอาการแดง, แสบร้อน, บวม, คัน, เป็นผื่น, ผิวลอก, ผิวเป็นตะปุ่มตะป่ำ บ้างภายใน 1-4 อาทิตย์ อาการเหล่านี้ก็หายไปเอง และในบางกรณีซึ่งไม่บ่อยมากนัก อาจจะมีอาการชา, เจ็บปวด, และรูปสึกไม่สบายผิว ส่วนมากอาการเหล่านี้จะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 1-2 เดือน
- - หากมีอาการแสบร้อน และเจ็บปวด รู้สึกไม่สบายผิวมากจนรู้สึดว่าผิดปกติ กรุณารีบไปพบแพทย์ทันที
- - ปกติหลังทำจะเห็นผลลัพธ์ของการรักษาก็จริง แต่กระบวนการสร้างคลอลาเจนของผิวจะใช้เวลา 1-2เดือน
ข้อปฏิบัติหลังทำ เลเซอร์(ไวท์เทนนิ่ง/จุดด่างดำ)
- - การรักษาหน้าด้วยเลเซอร์(ขึ้นอยู่กับว่าใช้เลเซอร์แบบไหน) บางครั้งหลังทำ ควรงดล้างหน้า และแต่งหน้า เป็นเวลา 1-3 วัน
- - หลังทำเลเซอร์ ควรดูแลผิวเป็นพิเศษ และเพื่อไม่ให้ผิวแห้งควรมอยเจอร์ไรเซอร์อย่างเป็นประจำ
- - หลังทำเลเซอร์ ควรทาครีมกันแดดเป็นประจำและสม่ำเสมอ ควรเลี่ยงการถูกแสงแดดโดยการงดออกนอกกลางโล่งแจ้ง
- - ควรงดกิจกรรมที่ทำให้ผิวระคายเคือง เช่น การออกกำลังกายหนัก, อบซาวน่า ,นวด, ดื่อแอลกอร์ฮอ, สูบบุหรี่ เป็นต้น
- - หลังทำเลเซอร์หากมีอาการร้อนบริเวณที่ทำการรักษาไป ให้ใช้ผ้าขนหนูห่อน้ำแข็ง แล้วนำมาประคบบริเวณนั้น ๆ ประมาณ 5 นาที ก็จะช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนได้
- - หลังทำเลเซอร์ห้ามแกะสะเก็ดแผลออกเองโดยเด็ดขาด เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว จะทำให้เกิดแผลเป็น รวมถึงเกิดการอักเสบของผิวได้
- - หากมีอาการระคายเคืองผิว ห้ามเกาเด็ดขาด หากรู้สึกระคายเคืองมากผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์
- - เนื่องจากลักษณะผิวที่แตกต่างกันของแต่ละคน หลังทำอาจจะมีอาการ แดง, แสบร้อน, ผิวแห้ง, เจ็บปวด ฯลฯ ส่วนมากอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปใน 1 สัปดาห์
- - การรักษาแต่ละอย่างบางกรณี อาจจะทำให้เกิดอาการช้ำ, มีสะเก็ดแผล, แต่ส่วนมากจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 2-3 สัปดาห์
- - หลังการรักษาบางทีอาจจะรู้สึกว่าจุดด่างดำนั้นมีสีเข้มขึ้นกว่าเดิม ส่วนมากเป็นกระบวนการแตกตัวของเม็ดสีเมลานิน-จากนั้นจะค่อย ๆ จางไป
- - โดยปกติแล้วหลังการรักษา บางครั้งอาจจะทำให้เกิดสิวผื่น หรือผื่นขึ้นได้ แต่มักเป็นอาการแค่ชั่วคราว
ข้อปฏิบัติหลังทำ เลเซอร์(กระชับรูขุมขน/แผลเป็น)
- - หลังทำเลเซอร์ประมาณ1-2 สัปดาห์ จะมีอาการบวมแดง, เจ็บปวด เป็นอาการปกติหลังทำการรักษา
- - หลังทำเลเซอร์ห้ามแกะสะเก็ดแผล, หรือลอกผิวออกเองโดยเด็ดขาด ปล่อยให้มันหลุดออกเองตามธรรมชาติ
- - หลังทำเลเซอร์ภายในวันนั้นควรงดล้างหน้า แต่สามารถล้างหน้าได้ในวันถัดไปอย่างเบามือ และควรหลีกเลี่ยงการล้างหน้าแรง ๆ เป็นเวลา 1 สัปดาห์
- - หลังทำเลเซอร์ควรงด การอบซาวน่า, งดว่ายน้ำ, ดื่มแอลกอร์ฮอ, สูบบุหรี่ ฯลฯ เป็นเวลา 1สัปดาห์
- - หลังทำเลเซอร์ควรงดออกที่โล่งแจ้ง หรือที่มีแดดจัด และควรทาครีมกันแดดเป็นประจำและสม่ำเสมอ
- - การทามอยเจอร์ไรเซอร์ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวก็เป็นสิ่งสำคัญ
ข้อปฏิบัติหลังทำ เลเซอร์กำจัดขน
- - ควรโกนขนมาให้เกลี้ยงก่อน 1 วัน เพราะหากแสงเลเซอร์โดนขนอาจจะทำให้ผิวบริเวณนั้น ๆเกิดการบาดเจ็บได้
- - ระหว่างที่ทำการกำจัดขนด้วยเลเซอร์ ห้ามดึงขน หรือเเว็กซ์ขนออก ให้โกนได้อย่างเดียว
- - หากเว้นการรักษาไปนาน อาจจะทำให้ไม่ค่อยเห็นผลในการรักษา แนะนำให้ทำอย่างต่อเนื่อง 4-6สัปดาห์ ต่อ1ครั้ง และนำนำให้ทำ 5ครั้งขึ้นไป
- - บริเวณที่โดนแสงแดด ควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอเพราะแสงแดดเป็นสาเหตุของการสร้างเม็ดสี และการกลับมาเป็นซ้ำอีก
- - หลังทำควรดูแลผิวบริเวณนั้น ๆ เป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้ผิวแห้งควรทามอยเจอร์ไรเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื่นอยู่เสมอ
- - หลังทำควรงดออกกำลังกายหนัก, อบซาวน่า, นวดแรง ๆ , ดื่มแอลกอร์ฮอ, สูบบุหรี่ ฯลฯ เป็นเวลา 1 สัปดาห์
- - หลังทำเลเซอร์หากมีอาการร้อนบริเวณที่ทำการรักษาไป ให้ใช้ผ้าขนหนูห่อน้ำแข็ง แล้วนำมาประคบบริเวณนั้น ๆ ประมาณ 5 นาที ก็จะช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนได้
ข้อปฏิบัติหลัง ฉีดโบท็อก
- - โบท็อกลดริ้วรอยบริเวณหน้านั้น จะเห็นผลหลังฉีดประมาณ 1-2 สัปดาห์, บริเวณกล้ามเนื้อกราม, บอดี้ จะเห็นผลหลังฉีด 3-4 สัปดาห์
- - หลังฉีดโบท็อกไป อาจจะมีอาการช้ำ, เจ็บปวด, บวม ฯลฯ อาการเหล่านี้ จะค่อย ๆหายไปใน 1-2 สัปดาห์
- - หลังฉีดโบท็อกไป ควรงดนวด, คลึงบริเวณนั้น ๆ เป็นเวลา1-2 วัน, ส่วนล้างหน้า/แต่งหน้าสามารถทำได้เลยหลังฉีดโบท็อก, แต่หากฉีดสกินโบท็อกไป ภายในวันนั้นเลี่ยงการล้างหน้าหนัก และเเต่งหน้าจัด
- - หากโบท็อกออกฤทธิ์ บริเวณที่ฉีดจะรูสึกเมื่อยไม่มีแรง, และไม่แนะนำให้ฉีดบริเวณที่สำคัญต่อการใช้ชีวิตของคุณ เช่น ต้องเดินเยอะ ไม่แนะนำให้ฉีดลดกล้ามเนื้อน่อง เป็นต้น
- - บริเวณที่ไม่ได้ฉีดโบท็อกไป กล้ามเนื้อบริเวณนั้นอาจจะดูปูดใหญ่กว่าบริเวณอื่น แนะนำให้ฉีดโบท็อกซ้ำในบริเวณนั้น ๆ
- - หากต้องการให้ผลลัพธ์ของโบท็อกอยู่นาน แนะนำให้งดใช้กล้ามเนื้อบริเวณนั้น ๆ เยอะ
- - กรณีที่ฉีดโบท็อกลดกรามไป บางกรณีอาจจะมีอาการมุมปากตก หรือเวลาขยับกรามอาจจะรู้สึกหนัก แต่อาการเหล่านี้ไม่ได้พบบ่อยมากนัก
- - บางครั้ง บางกรณีหลังจากที่ฉีดโบท็อกหน้าผาก, ระหว่างคิ้ว, ตีนกาไปอาจมีอาการเหล่านี้ หางคิ้วถูกยกขึ้นไปหรือ รูสึกหนักหน้าผาก, หนังตาตก ส่วนใหญ่จะค่อย ๆ ดีขึ้นเอง แต่ก็แตกต่างกันไปตามลักษณะร่างกายของแต่ละคน อาการเหล่านี้สามารถป้องกันได้โดยหลังฉีด ควรหลีกเลี่ยงการการนวด กด คลึง บริเวณที่ฉีดไป และหลีกเลี่ยงการนอนทันทีหลังฉีดโบท็อกไป
ขอปฏิบัติหลังการ ฉีดสกินบูสเตอร์
- - หลังฉีดหน้าอาจมีอาการแดง, เจ็บปวด, และผิวเป็นตะปุ่มตะป่ำ อาการเหล่านี้จะอยู่ประมาณ 2-3วันหลังฉีด
- - หลังฉีดประมาณ 1-2 สัปดาห์ อาจจะมี อาการช้ำ, บวมอยู่บ้าง
- - หลังทำสกินบูสเตอร์ บางรายการก็ควรงดล้างหน้า, แต่งหน้า ประมาณ 1-2 วัน
- - ควรดูแลผิวบริเวณนั้น ๆ เป็นพิเศษ และแนะนำให้ทามอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างเป็นประจำ
- - ควรงดออกบริเวณโล่งแจ้งที่มีแดด และควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอเพราะแสงแดดเป็นสาเหตุของการสร้างเม็ดสี และการกลับมาเป็นซ้ำอีก
- - หลังจากทำสกินบูสเตอร์ไปแล้ว ควรงดออกกำลังกายหนัก, งดอบซาวน่า, งดนวดแรง, งดดื่มแอลกอร์ฮอ, งดสูบบุหรี่ ฯลฯ เป็นเวลา 1 สัปดาห์
- - หากเกิดการระคายเคืองผิวห้ามเกาหรือ สัมผัสผิว เพราะอาจจะทำให้เกิดรอยด่างดำหรือเเผลเป็นได้
- - กรณีที่ีรู้สึกว่ามีอาการเจ็บ, แสบร้อน หรืออาการอื่น ๆที่รู้สึกว่าผิดปกติ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
- - ลักษณะผิวของแต่ละคนแต่งกันดังนั้น บางท่านอาจจะเกิดอาการบวม, ผิวเป็นตะปุ่มตะป่ำ, เจ็บปวด, ช้ำ มากน้อยแล้วแต่คน ผลลัพธ์การรักษาก็เช่นกัน ปกติอาการบวม, ผิวเป็นตะปุ่มตะป่ำ, เจ็บปวด จะค่อย ๆหายไปเองใน 2-3วัน ส่วนอาการช้ำจะค่อย ๆหายไปใน 1-2 สัปดาห์
ข้อปฏิบัติหลัง ฉีดsculptra
- - หลังฉีดต้องนวดแบบ 5-5-5 (หลังฉีดวันละ 5ครั้ง 5นาที 5วัน ) นวดคลึงอย่างละเอียดปราณีต (ต้องนวดนะค่ะ^^)
- - หลังฉีดsculptra สามารภล้างหน้าและการแต่งหน้าได้เลย
- - หลังฉีดควรงด ออกกำลังกายหนัก, อบซาวน่าเป็นเวลา2-3วัน, ควรงดดื่มแอลกอฮอร์, สูบบุหรี่ เป็นเวลา 1สัปดาห์
- - กรณีหลังฉีดบางท่านอาจจะได้ใบสั่งยาไป ควรทานยาให้หมดตามคำสังของแพทย์
- - หลังฉีดหากรู้สึกผิดปกติ ห้ามเกา หรือนวดเด็ดขาด ให้รีบเข้าไปพบแพทย์โดยทันที
- - บางท่านอาจจะรู้สึก บวม, เจ็บปวด, แสบร้อน, ช้ำ ฯลฯ อาการเหล่านี้บางท่านอาจเป็นมากน้อยแล้วแต่สภาพร่างกายของแต่ละท่าน ผลลัพธ์ของการรักษาก็เช่นกัน ปกติ อาการเจ็บปวด, แสบร้อนจะรู้สึกได้ประมาณ 3-7วัน, อาการช้ำ จะอยู่ประมาณ 2 สัปดาห์ จากนั้นจะค่อย ๆ หายไปเอง
- - บางกรณีตัวยาอาจจะติดกัน บางส่วนอาจเกิดการผลิตเนื้อเยื่อมากเกินไปในบริเวณนั้น ทำให้เกิดเป็นผิวที่ขรุขระ เพื่อป้องกันอาการเหล่านี้ แนะนำให้นวดคลึงเบา ๆ หลังฉีดsculptra
ข้อปฏิบัติหลัง ร้อยไหม
- - กรุณางด ดื่มแอลกอร์ฮอ, งดสูบบุหรี่, งดออกกำลังกายหนัก, งดอบซาวน่า, งดอ้าปากกว้าง งดพฤติกรรมใด ๆที่จะไปกระทบต่อบริเวณนั้น ๆ เป็นเวลา 2 สัปดาห์
- - ควรงดพฤติกรรมเสี่ยงต่าง ๆ ใบยาที่ให้ไป จะมีทั่งยาแก้อักเสบ ยาแก้ปวด ต่าง ๆ กรุณาทานให้หมด
- - หลังร้อยไหม แนะนำให้เอาผ้าขนหนูห่อน้ำแข็ง เพื่อประคบเย็นบ่อย ๆ ครั้งละ 5 นาที, และหลังจากวันที่4 แนะนำให้ประคบอุ่น จะช่วยให้อาการไม่สบายต่าง ๆ ดีขึ้น
- - 2-3วันหลังทำ ควรหลีกเลี่ยง อาหารที่แข็ง และเหนียว, และควรหลีกเลี่ยงการอ้าปากกว้าง หรือการหาวที่กว้างมาก เป็นเวลา 4สัปดาห์, หลังจากนั้น 3 เดือนสามารถนวด หรือใช้ชีวิตตามปกติได้
- - ในกรณีนี้อาจจะพบไม่บ่อยนัก คืออาการปวด หรือร้อนอย่างต่อเนื่อง มีตุ่มพอง หรือผิวหนังบางส่วนเปลี่ยนสี ให้รีบเข้ามาที่คลีนิคของเราโดยทันที เราจะได้รีบดำเนินการตามวิธีที่เหมาะสมต่อไป
- - บางท่านอาจจะรู้สึก บวม, เจ็บปวด, แสบร้อน, อาการช้ำ ,ผิวเป็นริ้ว ๆตะปุ่มตะป่ำบ้าง อาการเหล่านี้ เป็นมากน้อยแล้วแต่สภาพร่างกายแต่ละคน รวมถึงผลลัพธ์ด้วยเช่นกัน ส่วนมากอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปเองใน 1-2 สัปดาห์
- - หลังร้อยไหมเนื่องจากอาการบวม ใบหน้าด้านซ้าย-ขวา อาจจะไม่เท่ากัน พออาการบวมลดลงแล้ว ความไม่เท่ากันก็จะค่อย ๆดีขึ้นตามลำดับ
ข้อปฏิบัติหลังรักษาสิว (กดสิว/ฉีดสิวอักเสบ)
- - หากมีการกดสิวจำนวนมาก วันนั้นควรล้างหน้าอย่างเบามือและไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่รุนแรงต่อผิว
- - ในกรณีที่ผิวอ่อนแอที่มีปัญหาสิวอักเสบ จึงไม่สารถที่จะหลีกเลี่ยงเรื่องรอยแผลเป็นได้
- - หลังจากฉีดสิวอักเสบไปแล้ว ผิวบริเวณนั้น ๆ อาจจะดูยุบลงไปบ้างเล็กน้อย, ส่วนมากก็จะค่อย ๆ ขึ้นมาเองตามธรรมชาติ
ข้อปฏิบัติหลังการกำจัดไฝ
- - หลังจากกำจัดไฝออกแล้วให้แปะเทป(เทปช่วยเร่งการสร้างผิวใหม่) เป็นเวลาอย่างน้อย 2สัปดาห์ จนกว่าของเหลวที่แผลจะถูกดูดซับไปจนหมด หากเทปสกปรก หรือกาวยึดติดเริ่มหลุด, เทปดูดซึมของเหลวเป็นสีขาวๆ มากพอแล้วก็สามารถเปลี่ยนอันใหม่ได้เลย
- - หลีกเลี่ยงไม่ให้บริเวณที่เอาไฝออกโดนน้ำ ให้ติดเทปตลอด (ล้างหน้า หรือแต่งหน้าก็ให้ติดเทปตลอด)
- - หลังจากเอาเทปออกแล้วงดโดดแดด และแนะนำให้ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ
- - บริเวณที่เอาไฝออกอาจเกิดไฝขึ้นมาได้อีก หากไฝเกิดขึ้นอีก ประมาณหลังจากทำครั้งแรก 4-6สัปดาห์สามารถเอาไฝออกได้อีกครั้ง
- - ไฝที่มีรากลึกจำเป็นต้องเอาออกซ้ำ
ข้อปฏิบัติหลังการฉีดสลายไขมัน(หน้า/บอดี้)
- - หลังจากฉีดสลายไขมันแล้วสามารถ ล้างหน้า, อาบน้ำ, แต่งหน้าได้
- - ควรงดออกกำลังกายหนัก, อบซาวน่า เป็นเวลา 2-3วัน และควรงดดื่มแอลกอร์ฮอ, งดสูบบุหรี่ เป็นเวลา 1 สัปดาห์
- - กรณีหลังการฉีดสลายไขมันแล้ว ได้รับใบสั่งยา กรุณาทานยาให้หมดตามคำสั่งแพทย์
- - กรณีที่รู้สึกผิดปกติ ไม่แนะนำให้ นวด หรือเกา และบริเวณที่ฉีดไปหากรู้สึก บวม, คัน รวมถึงมีอาการร้อนของผิว ซึ่งนั่นอาจจะเป็นอาการแพ้ ให้รีบเข้าไปที่คลีนิคของเราโดยทันที
- - หากคุณมีอาการ ใจสั่น อาการสั่น คลื่นใส้ อาเจียน เวียนศระษะ ไม่สบายตัว ฯลฯ อาการส่วนใหญ่จะหายไปภายใน 2-3ชั่วโมง แล้วแต่ร่างกายของแต่ละคน
- - อาการบวม, ผิวขรุขระ,อาการยุบของผิวชั่วขณะ, เจ็บ, อาการร้อนของผิว, ช้ำ ฯลฯ สามารถเกิดขึ้นได้ มากน้อยแล้วแต่สภาพร่างกายของแต่ละคน ปกติอาการบวม, ผิวขรุขระ, อาการร้อนของผิว จะหายไปภายใน 2-3วัน ส่วนอาการช้ำจะหายไปใน 1-2 สัปดาห์
- - หลังจากทำการรักษาไปแล้วบางท่านอาจจะมีประจำเดือนออกมาเล็กน้อย เป็นครั้งคราว ขึ้นอยู่กับขั้นตอนของการรักษา อาการเหลานี้จะเป็นแค่ชัวคราวเท่านั้น ทั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่เกิดจากยา
- - อาการเหล่านี้แม้จะพบไม่บ่อยนัก แต่หากเกิดขึ้น เช่น อาการบวมอย่างรุนแรง เวียนศรีษะ หายใจลำบาก ให้รีบไปห้องฉุกเฉินที่ใกล้ทีสุดทันที
ข้อปฏิบัติหลังการฉีดฟิลเลอร์
- - หลังฉีดอาจจะมีอาการ บวม, เจ็บ, ผิวรู้สึกร้อน, ช้ำ ฯลฯ ปกติอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นเองใน 1-2 สัปดาห์ แล้วแต่สภาพร่างกายของแต่ละท่าน รวมถึงผลของการรักษาก็เช่นกัน
- - ผลของการรักษานั้นสามรถดูได้หลังจากหายจากอาการบวมแล้ว ระยะเวลาของผลลัพธ์การรักษา ขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของใบหน้า และสภาพของร่างกายของแต่ละคน รวมถึงการดูแลหลังทำด้วย
- - หลังฉีดฟิลเลอร์ สามารถแต่งหน้า และล้างหน้าได้ตามปกติ แต่ควรงดดื่มแอลกอร์ฮอร์, อบซาวน่า, ออกกำลังกายหนักฯลฯ เป็นเวลา 1 อาทิตย์ เพราะอาจจะก่อให้เกิดการอักเสบได้
- - หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงการกด, การจับบริเวณที่ฉีด ประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพราะอาจจะทำให้รูปทรงเปลี่ยนได้ เช่น ฟิลเลอร์จมูก งดใส่แวนตา, ฟิลเลอร์ร่องแก้ม งดอ้าปากกว้างและขยับปากแรง, ฟิลเลอร์หน้าผาก งดนอนตะแคง หรือกดบริเวณหน้าผาก, ฟิลเลอร์คาง งดเท้าคาง
- - เพื่อป้องการการอักเสบหลังฉีดฟิลเลอร์ บางท่านอาจจะมีใบสั่งยาให้ด้วย แนะทำทานยาให้หมดตามคำแนะนำของแพทย์(หากมีอาการแพ้ยา กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบด้วย)
- - หากมีอาการบวมหรือปวดอย่างรุนแรงมาก และผิวบางส่วนมีการเปลี่ยนสีเป็นแดงช้ำ ๆม่วง ๆ หรือมีตุ่มพอง หรือมีอาการไม่สบายรุนแรงอื่น ๆ ให้รีบเข้ามาที่คลีนิคโดยทันที
ข้อปฏิบัติหลังทำพิลลิ่ง/สกินแคร์
- - การรักษาบางประเภท หลังจากทำการรักษาแล้ว งดล้างหน้า, แต่งหน้าเป็นเวลา 1-3 วัน
- - กรุณาดูแลผิวเป็นพิเศษ โดยทางมอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันไม่ใ่ช้ผิวแห้ง
- - หากต้องออกไปที่โล่งแจ้ง แนะนำให้ทาครีมกันแดดบ่อย ๆ เป็นประจำ เพราะแสงแดดเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดจุดด่างดำต่าง ๆ
- - กรุณางดออกกำลังกายหนัก, อบซาวน่า, นวดแรง ๆ, ดื่มแอลกอร์ฮอ, สูบบุหรี่ งดพฤติกรรมที่ทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง เป็นเวลา 1 อาทิตย์
- - หากรู้สึกแสบร้อนที่ผิว แนะนำให้ใช้ผ้าขนหนุห่อน้ำแข้ง แล้วประคบเย็นในบริเวณนั้น ๆ เป็นเวลา 5 นาที วิธีนี้จะช่วยลดอาการแสบร้อนได้
- - แนะนำห้ามแกะสะเก็ดแผลออกเองเด็ดขาด ควรให้สะเก็ดแผลหลุดออกมาเอง หากเเกะสะเก็ดแผลออกเองอาจจะก่อให้เกิดการอักเสบ และก่อนให้เกิดแผลเป็นได้
- - หากรู้สึกระคายเคืองผิว ห้ามเกา หรือสัมผัสผิว หากรู้สึกไม่สบายอย่างรุนแรงแนะนำให้ไปพบเเพทย์
- - หลังทำบางท่านอาจมีอาการแดงของผิว, แสบร้อน, ผิวแห้ง, เจ็บปวด ฯลฯ ส่วนใหญ่อาการเหล่านี้จะค่อย ๆหายไปใน 1 สัปดาห์ อาจจะเป็นมากน้อย-หายไวหรือช้า แล้วแต่ลักษณะร่างกายของแต่ละคน
ข้อปฏิบัติหลังร้อยไหมจมูก
- - หลังทำควรงดดื่มแอลกอร์ฮอ, สูบบุหรี่, ออกกำลังกายหนัก, อบซาวน่า, หรือการปฏิบัติการใดที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อบริเวณนั้น ๆ เป็นเวลา 2 สัปดาห์
- - หลังทำควรงดเครื่อนไหวร่างกายเยอะ และยาที่ทานหลังรักษาจะมีทั้งยาแก้อักเสบ, ยาแก้ปวด ฯลฯ กรุณาทานให้หมดตามคำแนะนำของแพทย์
- - ห้ามกด หรือสัมผัสแรง ๆ บริเวณที่ทำการรักษา ประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพราะอาจจะทำให้รูปทรงจมูกเปลี่ยนแปลงได้
- - อาการเหล่านี้อาจจะมีไม่บ่อยมากนัก เช่น เจ็บหรืดปวดมาก, มีอาการร้อน, แผลพุพอง และสีผิวเปลียน รู้สึกมีอาการผิดปกติ ให้รีบเข้ามาที่คลีนิคเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
- - หลังทำอาจมีอาการ บวม, เจ็บ, ปวด, ร้อนผิว, อาการช้ำ, ผิวขรุขระ หรืออาการอื่น ๆที่ไม่เฉพาะเจาะจง โดยทั่วไปอาการ บวม, ปวด, ร้อนผิว จะหายไปประมาณ 3-7วัน ส่วนอาการช้ำจะค่อย ๆหายไปประมาณ 2 สัปดาห์ อาการเหล่านี้อาจจะแตกต่างกันไปตามลักษณะของแต่ละบุคคล
- - หลังจากทำแล้วจะมีอาการบวม จึงทำให้ยากต่อการประเมินผลลัพธ์ในการรักษา
LDM
- - หลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แต่ควรทาครีมกันแดด และทามอยเจอร์ไรเซอร์อย่างเพียงพอ และเป็นประจำ
- - อาการเหล่านี้อาจจะมีไม่บ่อยมากนัก เช่นหลังทำมีอาการแดงของผิว, แสบร้อน, เป็นผื่น และส่วนใหญ่อาการเหล่านี้จะค่อย ๆดีขึ้นใน 2-4วัน แต่ผลลัพธ์อาจจะแตกต่างกันไปตามลักษณะของแต่ละบุคคล
- - ควรทามอยเจอร์ไรเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื่นต่อผิวอย่างเพียงพอ และเป็นประจำ หลีกเลื่ยงการกระทำใด ๆ ที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว
PDT
- - หลังการรักษาอาจจะรู้สึกผิวแห้งบ้าง แนะนำให้ทามอยเจอร์ไรเซอร์ให้ผิวอย่างเพียงพอและเป็นประจำ
- - หลังการรักษาผิวควบคุมการหลั่งของ ของเหลวต่าง ๆในผิวอาจจะทำให้ผิวแห้ง และผิวแดงได้ อาการเหล่านี้จะค่อย ๆหายเองไปตามธรรมชาติ
- - ระหว่าง2-3 วันจะมีเซลล์ผิวหลุดออกมา และประมาณ 1-2 สัปดาห์ ระหว่างนี้สีผิวอาจจะดูคล้ำลงบางแค่บ้างแค่ชั่วคราวเท่านั้น
- - เซลล์ผิวที่หลุดลอกออกมาห้ามดึงออกเด็ดขาดให้ผิวค่อย ๆ ผลัดออกเองตามธรรมชาติ
- - ควรงดล้างหน้าแรง ๆ และใช้เครื่องสำอางที่รุนแรงต่อผิว
- - หลังการรักษาสามรถล้างหน้าได้ตามปกติ เบา ๆมือ และหากออกไปที่โล่งแจ้ง ควรทากันแดดอย่างเป็นประจำ
- - หากเป็นไปได้ควรงดดื่มแอลกอร์ฮอ, สูบบุหรี่ เป็นต้น